มหาวิบัติ ดวงตาถล่มล้างโลก 1
ใน วัยเด็ก หลายๆคนอาจเคยเล่นสนุกกับการจินตนาการ เหล่าร้าย ตามแบบการ์ตูนฮีโร่ แล้วสนุกกับการจินตนาการว่าตนจะเป็นฮีโร่ไปปราบเหล่าร้ายนั้น ในวัยเด็ก เคนจิ กับพวก ที่กำลังเล่นเป็นหน่วยกู้โลก ได้จินตนาการองค์กรวายร้ายขึ้นมา และช่วยกันคิดแผนการร้ายที่วายร้ายจะใช้ บันทึกลงในสมุด เรื่องราวแปลกประหลาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อคนคนนึงที่เรียกตัวเองว่า เพื่อน องค์กรของเพื่อนค่อยโผล่ในทุกซอกมุมของประเทศ จากลัทธิเล็กๆ กลายเป็นองค์กรใหญ่ระดับประเทศ จนกลายเป็นระดับโลก
ตัวเอกของเรื่อง คือ เคนจิ ที่เป็นพนักงานซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ที่มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีร็อก ได้เห็นสัญลักษณ์ขององค์กรนี้เข้าโดยบังเอิญ และสัญลักษณ์นั้นเหมือนกับสัญลักษณ์ที่พวกเค้ากับกลุ่มเพื่อนในวัยประถมเป็น คนคิดกันเอง และแผนการครองโลกที่เพื่อนกำลังใช้อยู่นั้น
มันก็คือแผน การที่พวกเค้าคิดขึ้นมาเองในวัยเด็ก และที่สำคัญหัวหน้าลัทธิเพื่อนนั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนสมัยเด็กของเคนจิ เขาจึงเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ทันว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ และเค้าเป็นคนเดียวที่สามารถหยุดแผนร้ายนี้ได้ เคนจิต้องหาให้ได้ว่า เพื่อน เป็นใคร แล้วหาทางหยุดยั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้ การสืบหาตัวตนที่แท้จริงของ เพื่อน จึงเริ่มต้นขึ้น
ผู้คนต่างกล่าวตรง กันว่า “ไม่มีทางดัดแปลงมาขึ้นจอได้หรอก” ก็ด้วยความที่มังงะเรื่องนี้ครอบคลุมสเกลใหญ่เกินกว่าปกติ โดยมีเรื่องราวสลับซ้อนกินเวลายาวนานกว่า 50 ปีซึ่งโยงใยไปถึงทั่วทุกมุม


ทันทีที่ข่าวประกาศสร้างหนังแพร่ สะพัดในปี 2007 ก็เกิดประเด็นร้อนโต้แย้งกันในโลกไซเบอร์ ว่าด้วยเรื่องนักแสดงคนไหนจะมารับบทใด เนื่องจากตลอดไตรภาคนั้นมีบทบาทหลักๆ กระจายอยู่กว่า 300 บทบาท เมื่อทีมผู้สร้างประกาศรายชื่อนักแสดงในปฐมบท อันได้แก่ โทชิอากิ คาราซาวา, เอตสึชิ โทโยกาวา และ ทากาโกะ โทกิว

“เหมือนสร้างหนังจาก คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ครับ” คือเสียงสะท้อนของผู้กำกับฯ ซึซึมิ จากภาระยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ บนเส้นทางอันยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษของ 20th Century Boys ซึ่งมีตัวละครมากมายเป็นร้อยๆ ทำให้มันลอยเด่นอยู่เหนือมังงะเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ นี่คือมังงะประเภทที่วางไม่ลงจนกว่าจะอ่านจนจบ ในช่วงต้นของงานสร้างชิ้นนี้จึงต้องมีผู้สร้างสรรค์ต้นฉบับ นาโอกิ อุราซาวา มาคอยดูแลเรื่องราวโดยรวมและร่วมเขียนบทของภาคแรก พร้อมทั้งบิดเรื่องราวในหนังให้ต่างจากมังงะ ตัวร้ายของเรื่องคือ ‘เพื่อน’ จะได้รับการตีความใหม่ในหนัง อีกทั้งคนดูจะได้เห็นรายละเอียดแปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็น มาก่อน
มหาวิบัติ ดวงตาถล่มล้า

หนัง เรื่องนี้มีชื่อภาษาไทยว่า “มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก” ซึ่งเนื้อเรื่องมันไม่ได้เกี่ยวกับดวงตาเลยครับ ผมเลยไม่ค่อยชอบชื่อไทยชื่อนี้ ส่วนชื่อไทยในเวอร์ชั่นการ์ตูน (มังงะ) ก็คือ “แก๊ํงค์นี้ มีป่วน” ก็ดูจะไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เข้าใจว่า แต่งชื่อเพราะเห็นแค่เนื้อหาเล่มแรกๆ เลยไม่รู้ธีมของเรื่องนัก
ภาค ที่แล้ว หนังเล่าเรื่องราวย้อนไปย้อนมาตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กที่ฐานทัพลับ และคำทำนายเกี่ยวกับอนาคตได้ถือกำเนิดขึ้น และสิ่งที่ถูกทำนายได้เกิดขึ้นจริง จนถึงช่วงสิ้นศตวรรษที่ 20 วันที่เชื้อร้ายบุกถล่มกลางเมือง และตัวผู้ยับยั้งเอาตัวเข้าแลกเพื่อหยุดยั้ง
ก่อนจะเปิดตัว “ความหวังสุดท้าย” ที่จะเป็นตัวละครเอกในภาคต่อนี้
“คันนะ”
ดู เหมือนว่า ภาคนี้จะทำให้ผมชอบได้มากกว่าภาคที่แล้วนะ ภาคแีรกนั้น ค่อนข้างเน้นเรื่องราวและรายละเอียดอย่างมาก ทำให้ต้องเล่าเยอะ เวลาให้หยุดหายใจแทบจะไม่มี เพราะทุกช็อตคือส่วนสำคัญที่จะส่งเหตุไปยังผลในส่วนอื่นๆ ของเรื่อง การเล่าแบบ flashback เป็นหัวใจหลักของการเล่าในภาคที่แล้ว แต่การ flashback มากเกินไปก็ทำให้คนดูรู้สึกเหนื่อยล้าได้ สมองต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปะติดปะต่อเนื้อเรื่อง ในความรู้สึกของผม เทคนิค flashback ไม่ควรใช้เกิน 3 ครั้งในหนังเรื่องเดียว
No comments:
Post a Comment